เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2528 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำริให้พื้นที่ของสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พัฒนาเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนา ประกอบด้วย การชลประทานสร้างเรือนเพาะชำกล้าไม้ และกิจกรรมอื่นๆ ตามความจำเป็น โดยจัดราษฎรที่ทำกินอยู่พื้นที่นี้แล้วให้เข้าเป็นสมาชิกโครงการด้วย และจัดระบบน้ำจากอ่างเก็บน้ำหัวยตะแปดให้ทั่วถึงกัน
และในวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ได้มีพระราชดำริเกี่ยวกับด้านชลประทาน ให้ขยายพื้นที่เพาะปลูกได้เพิ่มขึ้นอีก เพราะยังมีพื้นที่ที่ไม่ได้ทำประโยชน์หากมีการบริหารน้ำและใช้น้ำอย่างมีระบบ รวมทั้งการจัดหาน้ำมาเพิ่มขึ้น และทำบ่อพักน้ำแบบกระเบื้องโค้ง ซึ่งบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด ได้ดำเนินการนั้น น่าจะทำบ่อลักษณะนี้เพิ่มขึ้นตามจุดต่างๆ เพื่อจะได้กระจายน้ำได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งยังให้พิจารณาการสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กบริเวณปลายเขื่อนด้านซ้าย เหนือสวนสมเด็จฯ เพื่อส่งน้ำไปช่วยบริเวณพื้นที่ทำการเพาะปลูกพืชไร่แบบผสมผสาน อ่างดังกล่าวนี้จะมีลักษณะเป็นอ่างบริวารรับน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยตะแปด
และมีพระราชดำริเกี่ยวกับด้านการเกษตร ให้มีกิจกรรมที่ดำเนินการในสวนสมเด็จฯ เช่น การเลี้ยงไก่บนบ่อปลา การปลูกพืชแบบผสมผสานระหว่างพืชสวน พืชไร่ ซึ่งมีไม้ผลเป็นหลัก การเพาะเห็ด การเลี้ยงผึ้ง การปลูกพืชสมุนไพร การปลูกไม้ตัดดอก บ่อแก๊สชีวภาพ แและมีพื้นที่สำหรับการเลี้ยงผึ้งโพรง ซึ่งนับว่าเป็นรายได้เสริมแบบง่ายๆ ให้แก่เกษตรกรอีกทางหนึ่ง และมีการดำเนินการทำระบบน้ำหยดที่ต้องทดลองเป็นขั้นๆ ไป รวมถึงให้มีพื้นที่วนเกษตรขอให้รักษาสภาพป่าด้วยการปลูกป่าโดยใช้ไม้พันธุ์เดิมที่สามารถดำรงอยู่ได้ตามธรรมชาติและปลูกไม้ผลเพิ่มให้มากขึ้น และการปลูกไม้ผลนี้ควรขยายออกไปแทนที่ไม้ยูคาลิปตัส เพื่อให้ค่อยๆ ลดจำนวนลงและนำไปใช้เผาถ่าน เพราะไม้ยูคาลิปตัสที่ต่างประเทศปลูกเพื่อให้ทำฟืนและผลิตพลังไฟฟ้านั้น ไม่สู้จะได้ผลและต้องการบำรุงรักษาเช่นไม้ทั่วๆ ไปด้วย ดังนั้น จึงควรปลูกไม้ผลดีกว่า
นอกจากนี้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังมีพระราชดำริให้ศึกษาทดลองปลูกปาล์มน้ำมันและพืชที่ให้พลังงานทดแทนในที่ดินของมูลนิธิชัยพัฒนา ที่ว่างเปล่าทั่วประเทศ เป็นการด่วน เพื่อให้โครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต เป็นศูนย์บริการวิชาการด้านการเกษตร และเป็นการขยายผลแนวพระราชดำริสู่ประชาชนทั่วไป
โครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้ดำเนินการศึกษาทดลองรูปแบบเกษตรยั่งยืน เพื่อศึกษาหารูปแบบการเกษตรที่เหมาะสม สำหรับสภาพพื้นที่โครงการและใกล้เคียง โดยมีแนวทางการปฏิบัติงานที่เรียบง่ายและประหยัด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาพื้นที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสามารถดำเนินงานปลูกข้าว พืชผัก พืชไร่ ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับและสมุนไพร ในรูปแบบผสมผสาน การลดต้นทุนการผลิต ที่จะเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ที่สนใจทั่วไป จากผลการดำเนินงาน ทำให้การพัฒนาพื้นที่แห้งแล้ง ดินเลว อับฝน กลับคืนสู่สภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
ยาหม่องสมุนไพร (Herbal Balm) เป็นผลิตภัณฑ์จากโครงการสวนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ตำบลสามพระยา อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ที่มาจากผลผลิตทางการเกษตร พัฒนาสินค้าออกจำหน่าย 4 สูตร ได้แก่ สูตรมะรุม สูตรตะไคร้หอม สูตรแป๊ะตำปึง สูตรเสดพังพอน
นอกจากนี้ยังมีน้ำมันไพล (Phlai oil) เป็นน้ำมันนวด ที่มีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออักเสบ แผลฟกช้ำ และพิมเสนน้ำ (Patchouli essential oil) กลิ่นหอมสดชื่น ดมแก้วิงเวียนศีรษะ เมารถ ใช้นวดบรรเทาปวดเมื่อยล้าจากการทำกิจกรรมต่างๆ สามารถนำไปเป็นของฝากหรือใช้เองก็สะดวกมาก
![]() |
![]() |
![]() |