ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2547 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชกระแสให้มูลนิธิชัยพัฒนาติดต่อกับสถาบันพฤกษศาสตร์มณฑลยูนนาน เพื่อขอเมล็ดพันธุ์ และต้นอ่อนชาน้ำมันมาทดลองปลูกในประเทศไทย หลังจากนั้นในเดือนพฤศจิกายน (ปีเดียวกัน) ทางสถาบันพฤกษศาสตร์มณฑลยูนนาน ก็ได้ทำการส่งเมล็ดพันธุ์ และต้นอ่อนชาน้ำมันจำนวนหนึ่งกลับมา เพื่อนำมาทดลองปลูกในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้ทรงพระราชทานชื่อ “ภัทรพัฒน์” หรือ “PatPat” เพื่อให้เป็นตราผลิตภัณฑ์สําหรับสินค้าที่เป็นผลิตผลของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยมีความมุ่งมั่นที่จะ “พัฒนาสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้ … อย่างยั่งยืน” ซึ่งก็คือ การสนับสนุน ส่งเสริม และช่วยพัฒนา เปลี่ยนความเป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้อย่างยั่งยืน เปลี่ยนจากความสิ้นหวังเป็นความหวัง เป็นพลังที่จะขับเคลื่อนไปสู่อนาคตได้ด้วยศักยภาพของตนเอง
ซึ่งน้ำมันเมล็ดคามีเลียมีไขมันไม่อิ่มตัว (ไขมันดี) ทั้งเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนที่ช่วยลดคอเรสเตอรอลมากกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่น
โดยเฉพาะ 5 โรคสำคัญดังต่อไปนี้ โรคอัมพาต, โรคหลอดเลือดตีบตัน, โรคความดันโลหิต, โรคเบาหวาน และโรคหัวใจ
น้ำมันเมล็ดคามีเลียจะมีโอเมก้าครบ 3 ชนิด ได้แก่ โอเมก้า 3 (0.3%), โอเมก้า 6 (9.2%), โอเมก้า 9 (77.7%) ในขณะที่น้ำมันชนิดอื่นๆ อาจจะมีโอเมก้าไม่ครบ
น้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูงจะทนความร้อนมากกว่า น้ำมันที่มีจุดเกิดควันต่ำ จึงก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระน้อยกว่า และปลอดภัยกว่าน้ำมันทั่วๆ ไป